Ticker

6/recent/ticker-posts

"มินนี่ (G)I-DLE" เปิดใจผ่าน WOODY FM: เส้นทางการค้นหาตัวตน ฝ่าฟันภาวะซึมเศร้าและแพนิค

มินนี่ (G)I-DLE เปิดเผยเรื่องราวที่ไม่เคยเล่าที่ไหนมาก่อนผ่านรายการ WOODY FM โดยกล่าวถึงช่วงเวลาที่เธอเคยใจร้ายกับตัวเองจนส่งผลให้ต้องเผชิญกับภาวะซึมเศร้าและแพนิค พร้อมทั้งเล่าถึงกระบวนการค้นหาตัวเอง ตั้งแต่เป็นเด็กฝึกจนถึงการเป็นศิลปินที่มั่นใจในตัวเองมากขึ้น


เส้นทางโซโล่ที่รอคอย – กว่าจะมาเป็น "Her"

มินนี่เผยว่าเธอเฝ้ารอคอยการเดบิวต์ในฐานะศิลปินเดี่ยวมานานหลายปี และในที่สุดก็ได้ปล่อย First Mini Album ชื่อ "Her" ซึ่งสะท้อนตัวตนของเธออย่างเต็มที่

"ตอนแรกคิดไว้หลายชื่อ แต่เพลงไตเติลก็ชื่อว่า Her ซึ่งเป็นเพลงที่บ่งบอกความเป็นตัวเรามากที่สุด ก็เลยใช้เป็นชื่ออัลบั้มด้วย เพราะอัลบั้มนี้มีความเป็นมินนี่เยอะมาก"

เธอยังเปิดเผยถึงกระบวนการทำอัลบั้มที่เธอมีส่วนร่วมในทุกขั้นตอน ตั้งแต่การแต่งเพลง คิดคอนเซ็ปต์ ไปจนถึงการออกแบบภาพลักษณ์

"พอได้จับอัลบั้มจริง ๆ น้ำตาไหลเลยค่ะ เหมือนตายตาหลับแล้ว เพราะนี่เป็นเป้าหมายที่ฝันไว้มานาน"


จากความไม่มั่นใจ...สู่การยอมรับตัวเอง

มินนี่เล่าว่า ในช่วงแรกของการเดบิวต์ เธอเคยรู้สึกไม่มั่นใจในตัวเองและพยายามสร้าง "ฟิลเตอร์" บางอย่างเพื่อให้เป็นที่ยอมรับของคนอื่น

"ช่วงแรก ๆ เราจะมีฟิลเตอร์บางอย่าง เหมือนต้องทำตัวแบบนี้นะ ต้องระวัง ไม่ได้เป็นตัวเอง 100% แต่พอเข้าปีที่ 7 ก็เริ่มรู้สึกว่า Whatever! อยู่ต่อหน้ากล้องก็ชิลล์มากขึ้น เป็นตัวเองแบบไม่มีฟิลเตอร์แล้ว"

เธอยอมรับว่าในช่วงแรก เธอไม่กล้าดูตัวเองในจอเพราะไม่ชอบสิ่งที่เห็น แต่เมื่อเธอเริ่มเปลี่ยนมุมมองและค่อย ๆ ปรับปรุงตัวเองก็ทำให้ทุกอย่างดีขึ้น

"ถ้าไม่ชอบตรงไหน ก็ค่อย ๆ เปลี่ยน mindset ว่าไม่เป็นไร เราสามารถพัฒนาได้"


การต่อสู้กับภาวะซึมเศร้าและแพนิค

มินนี่เผยว่าเธอเริ่มมีอาการทางจิตใจหลังจากโควิด-19 ซึ่งเป็นช่วงที่เธอต้องขึ้นแสดงโดยไม่มีแฟน ๆ ในฮอลล์ และเมื่อกลับมาทัวร์อีกครั้ง กลับกลายเป็นว่าความกดดันและความไม่มั่นใจเริ่มครอบงำจิตใจของเธอ

"ตอนนั้นอยู่บนเวที อยู่ดี ๆ ก็รู้สึกว่าสายตาที่มองมา...ทำไมเขามองเรา? เขาถ่ายเราไปทำไม? ทั้ง ๆ ที่พวกเขาคือแฟน ๆ ที่มาดูเรา แต่เรากลับมีความคิดว่า คุณไม่ควรอยู่ตรงนี้"

เธอเล่าว่า อาการดังกล่าวทำให้เธอไม่สามารถพักผ่อนได้ และเริ่มมีอาการหวาดระแวงเมื่ออยู่ในที่ที่มีคนเยอะ

"ตอนแรกพยายามฮึบไว้ ไม่บอกใคร แต่พอถึงห้องปิดประตูร้องไห้หนักมาก รู้สึกไม่ปลอดภัย รู้สึกเหมือนมีคนมองตลอดเวลา ทั้ง ๆ ที่ไม่มีใครอยู่ตรงนั้น"


การเข้ารับการรักษาและเรียนรู้ที่จะใจดีกับตัวเอง

หลังจากทนกับอาการดังกล่าวมาสักระยะ เธอจึงตัดสินใจไปพบแพทย์ ซึ่งวินิจฉัยว่าเธอมีภาวะซึมเศร้าและแพนิค โดยแพทย์เสนอให้ใช้ยา แต่เธอเลือกที่จะรักษาด้วยการพูดคุยกับผู้เชี่ยวชาญแทน

"ตอนแรกคุณหมออยากให้ยาค่ะ แต่พอพูดถึงยา หนูร้องไห้เลย ไม่เอา ยังไม่อยากกินยาได้ไหม? คุณหมอเลยบอกว่าต้องมาคุยกับเขาบ่อย ๆ จนกว่าจะดีขึ้น"

เธอยังเน้นย้ำว่า สุขภาพจิตเป็นเรื่องสำคัญที่ไม่ควรละเลย

"บางทีเราไม่มีเวลา เราชอบมองข้าม ทั้ง ๆ ที่มันสำคัญมาก ถ้าป่วยเรายังต้องไปหาหมอ สุขภาพจิตก็เหมือนกัน เราต้องดูแลตัวเอง ไม่งั้นมันกระทบทุกอย่างในชีวิต"


บทสรุป: จากจุดที่มืดมน สู่การเติบโตและเข้มแข็งขึ้น

มินนี่ยอมรับว่าการเดินทางของเธอเต็มไปด้วยความท้าทาย แต่เธอก็สามารถก้าวข้ามผ่านมันมาได้ด้วยการเรียนรู้ที่จะ "ใจดีกับตัวเอง"

"เมื่อก่อนเป็น Perfectionist มาก ทุกโชว์ต้องดีกว่ารอบที่แล้ว แต่ตอนนี้เริ่มเปิดใจให้ตัวเองมากขึ้น รู้สึกว่าถ้าพลาดก็ไม่เป็นไร สนุกกับโมเมนต์ตรงหน้าก่อนดีกว่า"

จากความกดดันและความไม่มั่นใจ วันนี้มินนี่กลายเป็นศิลปินที่แข็งแกร่งขึ้นและยอมรับตัวเองมากขึ้น ซึ่งเธอหวังว่าการเปิดใจเล่าเรื่องนี้จะช่วยให้ใครหลายคนที่กำลังเผชิญกับปัญหาคล้าย ๆ กันได้รับพลังบวกและกำลังใจในการก้าวต่อไป


📌 ติดตามมินนี่ และผลงานโซโล่อัลบั้ม "Her" ได้แล้ววันนี้!